วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Interesting Topics for the final Project Part V : web app สอนโปรแกรมมิ่ง


    ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ การศึกษาทั่วโลกจึงเริ่มให้ความสนใจกับการเขียนโปรแกรมมากขึ้น ซึ่งในไทยนั้นก็ได้เริ่มที่จะมีการสอนเขียนโปรแกรมกันตั้งแต่ระดับประถมแล้ว พวกผมจึงคิดว่าอีกเรื่องที่น่าสนใจในการทำโปรเจคนั่นก็คือ "Web App สอนเขียนโปรแกรม" ครับ


    ซึ่งจากที่ได้ไปค้นหามาก็พบว่า เขามีการทำเว็บสอนออกมาในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น ทำเป็นบทๆต่อเนื่องแบบธรรมดา หรือเพิ่มความน่าสนใจด้วยการ มีคะแนนหรือได้ Achievement เมื่อจบบทเรียนหรือทำโจทย์ที่กำหนดไว้ให้สำเร็จ หรือแม้กระทั่งทำออกมาในรูปแบบเกมก็มีครับ

ตัวอย่างเว็บสอนเขียนโปรแกรมที่น่าสนใจ





https://www.sololearn.com/




https://www.bloc.io/ruby-warrior#/


วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Interesting Topics for the final Project Part IV : KMUTNB AR Map

Augmented Reality

    Augmented แปลว่า การเติมแต่งเพิ่มเติม Reality แปลว่า ความจริง เมื่อนำสองคำนี้มาผสมกันจะแปลได้ประมาณว่าความจริงที่ถูกเสริมเติมแต่ง ในที่นี้นั้นคือชื่อของเทคโนโลยีตัวหนึ่งที่สามารถผสมระหว่างโลกเสมือนและโลกความเป็นจริงได้ 


    จากรูปด้านบนจะเป็นการนำเทคโนโลยี AR เข้ามาใช้ในการเล่นเกมที่มีชื่อว่า Pokemon GO ซึ่งจากรูปจะเห็นได้ว่า AR นั้นจะต่างจาก VR ตรงที่การใช้ VR (Virtual Reality) จะเป็นการนำผู้ใช้เข้าไปสู่โลกเสมือน แต่ AR นั้นกลับกัน เพราะจะเอาโลกเสมือนออกมาอยู่ในโลกความเป็นจริงดังรูป จะเห็นได้ว่าถ้าเรามองผ่านกล้องของโทรศัพท์มือถือ เจ้า Pikachu จะยืนอยู่บนพิ้นหญ้าของโลกความเป็นจริงนั้นเอง 

AR Map?

    ไอเดียนี้มาจากที่ว่าตัวของเพื่อนผมนั้นได้ไปบริจาคเกล็ดเลือดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหาตึกไม่เจอ และป้ายก็ยังเขียนไว้แต่กาชาตเต็มไปหมด เลยทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมากในการหาตึก นั้นเป็นไอเดียที่ทำให้มาคุยกันว่าเราน่าจะลองทำแผนที่แบบ AR กันนะ



  เมื่อคิดถึงแผนที่แล้วก็ AR นั้นจะทำให้ผมนึกถึงเกมที่ผมเคยได้ลองสัมผัสก็คือเกมที่มีชื่อว่า The Division ซึ่งในเกมนั้นเราจะสามารถดูแผนที่ได้โดยรูปแบบของ แผนที่จะเป็นดังรูปด้านล่าง เป็นแบบ AR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ที่สำคัญเราสามารถที่จะดูแผนที่ได้ละเอียดมายิ่งขึ้นเพราะเราสามารถที่จะเห็นลักษณะของตึกจริงๆได้


   

    นั้นทำให้พวกผมคิดว่าถ้าเราลองนำแผนที่ของมหาวิทยาลัยของพวกเรามาทำเป็นแบบ AR ได้ก็คงจะดีไม่น้อย โดยเราจะอิงแผนที่มาจากแผนผังของทางมหาวิทยาลัยในรูปด้านล่างนี้


Feature

    สิ่งที่ตัวงานนี้จะทำได้นั้นไม่ใช่เพียงแค่ว่าจะดูแผนที่ได้ แต่เราสามารถที่จะเป็นตัว Navigator ได้ด้วยเช่นกัน โดยเราจะสามารถปักหมุด แล้วหาเส้นทางที่ใกล้ที่สุดในการเดินทางไปที่เป้าหมายได้ โดยทำให้เราสามารถที่จะหาห้องเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ หรือ สถานที่ต่างๆภายในมหาวิทยาลัยได้อย่างง่ายดาย หรือจะใช้ดูรายชื่องานที่จัดภายในมหาวิทยาลัย และนำทางไปยังสถานที่ที่มีการจัดงานได้ครับ


วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Interesting Topics for the final Project Part III : ระบบยืม-คืนจักรยานด้วย Blockchain

Source: pixabay.com

    ในประเทศไทย ณ ปัจจุบันนั้นจะพบกับปัญหา ปัญหาหนึ่งซึ่งอยู่กับเรามากันอย่างยาวนานนั้นก็คือปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด ซึ่งก็ก่อให้เกิดปัญหาด้านมลพิษทางอากาศ และทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของโลก อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กค. 2561 ที่ผ่านมา ก็ได้มีข่าวเกี่ยวกับก้อนน้ำแข็งยักษ์ลอยผ่านหมู่บ้านอินนาอาสูท ประเทศกรีนแลนด์ โดยคาดกันว่าก้อนน้ำแข็งยักษ์นี้มีน้ำหนักถึง 11 ตัน! ซึ่งเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เรือนกระจกทำให้โลกมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นนั้นเอง


    ทำให้ทุกวันนี้ได้มีผู้คนจำนวนมากมายได้ออกมาช่วยกันรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อที่จะลดปัญหาการจราจรติดขัด ให้ไปใช้บริการของการขนส่งสาธารณะแทนเช่น การนั่งรถไฟฟ้า เป็นต้น

    อีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดได้ก็คือการหันมาใช้จักรยานในการเดินทางแทนรถยนต์เพราะเป็นวิธีการเดินทางที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ และได้เป็นการออกกำลังกายไปในตัว ประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมัน เป็นต้น




    ในหลายๆประเทศก็ได้มีการจัดทำระบบยืม-คืนจักรยานขึ้นมาให้ได้เอาไปใช้กัน ทั้งในมหาวิทยาลัย องค์กร หรือสาธารณะ แต่ก็ประสบปัญหา จักรยานหาย โดนขโมย ถูกยืมไปไม่คืน หรือยืมไปแล้วทำพัง ผมเลยคิดว่าหากใช้เทคโนโลยี Blockchain มาช่วยในเรื่องของการยืนยันตัวตนของผู้ยืม น่าจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

ระบบการทำงาน

  • แตะบัตรเพื่อทำการยืม (ถ้าทำแบบใช้ในมหาลัยอาจเป็นบัตรนักศึกษา หรือทำบัตรแยกต่างหาก)
  • อาจมีการถ่ายรูปใบหน้าผู้ยืม
  • ยืมได้ครั้งละคัน ต้องคืนก่อนถึงจะยืมใหม่ได้
  • สามารถคืนจักรยานที่จุดไหนก็ได้
  • สามารถตรวจสอบข้อมูลคนยืมล่าสุดได้ หากจักรยานหาย
    • อาจทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลคนยืมจากที่ตัวจักรยานได้ (สแกน QR Code แล้วขึ้นข้อมูลผ่าน web app)
  • อาจติด GPS ติดตามตำแหน่งจักรยานไว้
      (ถ้าทำเป็นธุรกิจ)
  • อาจจะทำเป็นระบบแบ่งรูปแบบสมาชิก
  • สมาชิกแบบเสียเงิน มีระบบสะสมแต้ม ยิ่งยืม ยิ่งปั่น ยิ่งได้แต้ม (ยืมจักรยานเกินเวลาหักแต้ม)
  • แต้มใช้แลกซื้อของได้
  • สมาชิกแบบฟรี อาจจำกัดจำนวนการยืมต่อเดือน?

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Ethereum คืออะไร ?




What is Ethereum ?

    Ethereum มันก็คือชื่อของ Blockchain Platform ตัวหนึ่งที่ถูกคิดค้นมาโดยบริษัท Ethereum Foundation โดยเจ้า platform ตัวนี้จะใช้กับสกุลเงิน Cryptocurrency ที่มีชื่อว่า Ether (ETH) โดยผู้ที่คิดค้นสร้างมันขึ้นมามีชื่อว่า Vitalik Buterin ซึ่งเป็นผู้ร่วมพัฒนา Bitcoin มาก่อนและได้เห็นถึงข้อบกพร่องและข้อจำกัดบางอย่างของ Bitcoin เขาเลยเริ่มที่จะสร้าง Ethereum ขึ้นมาเพื่อใช้แทน

Difference between Ethereum and Bitcoin ?

    จากบทความนี้ผู้เขียนได้อธิบายความแตกต่างระหว่าง Bitcoin, Blockchain, Ethereum, Ripple, Hyperledger เอาไว้แบบพอสังเขป ซึ่งที่เราสนใจจะเป็นความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และ Ethereum ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร

    โดยข้อมูลที่ได้มานั้นได้บอกว่า Ethereum นั้นมีความสามารถในการทำงานนั้นทัดเทียมกับตัวของ Bitcoin เลยทีเดียว แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะแตกต่างและถูกเพิ่มขึ้นมานั้นก็คือ Smart Contacts

What is Smart Contract ?




    หลังจากที่ได้ทำการค้นคว้าจาก บทความนี้ บทความนั้น และก็ บทความโน้น และอีกหลายๆบทความ ตัวผมเองนั้นก็พอที่จะสรุปได้ดังนี้ครับ

     Smart Contract ก็คือการร่างสัญญาต่างๆและเก็บไว้ใน Blockchain อาจจะยังไม่เห็นภาพ จากบทความนี้ เขาจะอธิบายออกมาให้เห็นภาพชัดเจนโดยเปรียบ Smart Contract เป็นดังเช่น Vending Machine



     โดยเมื่อเราเลือกเครื่องดื่มที่เราต้องการแล้ว เจ้าเครื่องกดน้ำอัตโนมัติก็จะคอยเช็คว่าเราได้ใส่เงินไปเท่ากับราคาของเครื่องดื่มหรือยัง หรือ ถ้าเราใส่เงินเกินมันก็ต้องทำการทอนเงินมาให้เรา หรือ ถ้าเราต้องการที่จะยกเลิกเจ้าเครื่องนี้ก็จะเอาเงินกลับมาให้เรา

    พูดง่ายๆก็คือ Smart Contract เป็นการร่างสัญญาเอาไว้ ซึ่งสัญญาที่ว่านี้จะเป็นโค้ด หลังจากนั้นเราก็จะเอาโค้ดที่ว่าไปใส่ไว้ใน Blockchain โดยโค้ดนี้จะเป็นลักษณะ คอยเช็คว่าถ้าเกิดแบบนี้ก็จะทำแบบนั้น 

    อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนบทความได้ยกมานั้นคือ อพาร์ทเมนต์อัจฉริยะ โดยจะมีการทำงานดังนี้
1. อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ประตูเข้าห้องนั้นจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตเอาไว้ โดยจะเข้าห้องได้จะต้องใช้ Keycard หรือ แอปบนมือถือ
2. เมื่อถึงวันที่จะต้องจ่ายค่าเช่า คนที่เป็นผู้เช่าจะต้องทำการโอนเงินสกุล coin ต่างๆไปที่ Address ที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละห้อง ต่อมาเจ้าโค้ด Smart Contract ที่ดูแลเรื่องการจ่ายค่าเช่าของอพาร์ทเมนต์นี้ โดยเมื่อโอนเข้าไปแล้ว โค้ดดังกล่าวจะดูว่าเงินที่ได้รับการโอนมานั้นถูกต้องหรือไม่ ตรงหรือเปล่า ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดอะไรก็จะบันทึกการจ่ายเงินไว้ และ Keycard ของเราก็จะสามารถใช้ได้ต่อ
3. ในกรณีที่ผู้เช่าไม่ยอมจ่ายเงินค่าห้อง เจ้าโค้ด Smart Contract ก็จะสั่งให้ Keycard ของเรานั้นไม่สามารถใช้เข้าห้องได้

    ซึ่งการทำงานคร่าวๆที่กล่าวไปนั้นเจ้าของหอพัก หรืออพาร์ทเมนต์นั้นแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ทุกอย่างถูกจัดการโดย Smart Contract เองหมดแล้วสบายจริงๆครับ

What about Miners and World Computers ?



    จากหัวข้อด้านบนนั้นก็จะทำให้ทราบมาแล้วว่า Ehtereum นั้นไม่ได้ทำได้แค่การส่ง/รับเงินเพียงเท่านั้น มันสามารถที่จะทำการประมวลผลอะไรก็ได้ บน Blockchain Network ซึ่งนั้นก็ทำให้เกิดนักขุดเหมือง Ethereum เข้ามามีส่วนในเรื่องนี้ครับ เมื่อมี Node(ผู้ใช้) ต้องการที่จะใช้งานโค้ด (Smart Contract) นักขุดก็จะเอาโค้ดที่จะใช้นะครับมาประมวลผลให้เราและส่งค่ากลับไปที่ Node ครับ โดยสิ่งที่นักขุดเหล่านี้จะได้ก็คือ Fee ครับ หรือ ค่าบริการนั้นเอง โดยจะคิดจาก Operation ต่างๆในตัวโค้ด โดยแต่ละ Operation จะมีราคาที่ต่างกันด้วย และตัวของผู้ใช้เองไม่ได้แค่สามารถที่จะเรียกโค้ดได้เฉยๆนะครับ แต่พวกเขายังสามารถส่งค่า Parameter ต่างๆมาเพื่อใช้ในการคำนวณได้อีกด้วย สุดยอดเลยจริงๆครับ

    ซึ่งการทำงานแบบนี้จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า World Computers เพราะว่า Ethereum นั้นใช้ระบบ Blockchain ซึ่งเราทุกคนบนโลกที่มีอินเทอร์เน็ตสามารถจะเข้าระบบได้ ในการประมวลผลก็จะมีเหล่านักขุดคอยจัดการอยู่ ซึ่งจะทำให้เป็นระบบที่ไม่มีวันดับ เพราะมีผู้ใช้และนักขุดใช้งานอยู่เสมอๆ จะใช้งานเมื่อไรก็สามารถใช้ได้

And..what about Problems with Smart Contract?

    ในบทความนี้ได้เสนอปัญหาที่อาจจะมีได้เกี่ยวกับ Smart Contract โดยเขาได้อธิบายว่า ตัว Smart Contract สามารถที่จะตรวจสอบได้ มันโปร่งใส และยังทำงานได้สะดวกขนาดนี้ ปัญหาจะอยู่ตรงไหน? ปัญหามันอยู่ที่ว่า Smart Contract นั้นถ้าเรานำไปใช้ แล้วจู่ๆโค้ดเกิดทำงานไม่ได้ หรือว่าตัวโค้ดนั้นมี Bug โค้ดเสีย โค้ดพังขึ้นมา จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรตามมา เราอาจจะเสียทรัพย์สิน หรือเสียผลประโยชน์อะไรก็ตามแต่ ทำให้ปัญหามันอยู่ตรงที่ผู้ใช้นั้นจะนำไปใช้อย่างไรเสียมากกว่า การออกแบบต้องรัดกุม ต้องไม่มีข้อบกพร่อง เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา


วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Interesting Topics for the final Project Part II : ศึกษาเรื่อง Blockchain



    Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและถูกพูดถึงบ่อยในปัจจุบัน ซึ่งได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับ  Bitcoin จากที่ผมได้ศึกษาดูก็พอเข้าใจได้ว่า Blockchain นั้นก็คือ รูปแบบการเก็บข้อมูล (Database) แบบหนึ่งของระบบที่ไม่มีศูนย์กลางแต่เชื่อถือได้และโกงยาก

    และเนื่องจากแนวคิดที่สุดยอดของเจ้า Blockchain นี่ จึงทำให้มีคนนำไปใช้กับอย่างเช่น การระบบการในธนาคาร หรือสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก FinTech(Financial Technology) เพราะพวกนี้จะต้องการความน่าจะเชื่อถืออย่างมาก และป้องกันไม่ให้มีการโกงเกิดขึ้น
    นอกจากพวก FinTech แล้วก็ยังมีแนวคิดที่จะใช้ Blockchain กับสิ่งที่เป็น Non-Financial อีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็ยังมีคนที่นำ Blockchain ไปใช้งานจริงๆกับ สิ่งที่เป็น Non-Financial ค่อนข้างน้อย ทำให้มี Startup ที่พยายามจะสร้างแนวคิดต่างๆออกมา คงจะตามคำพูดที่ว่า "เริ่มทำก่อน ย่อมได้เปรียบ"

    เนื่องจากการใช้ Blockchain กับ FinTech คงจะนึกภาพได้ไม่ยากและแต่ละอันก็เหมือนๆกัน ดังนั้นในบทความนี้ผมก็จะพูดแนวคิดที่เป็น Non-Financial นะครับ


- Blockchain กับ การโหวต หรือเลือกตั้ง
    เป็นแนวคิดที่นำมาใช้เพื่อป้องกันความไม่โปร่งใสในการโหวตหรือเลือกตั้งครับ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลกระจายไปที่ผู้ลงคะแนนเสียงทุกคนทำให้โกงได้ยากมาก
    ส่วนข้อดีอื่นๆก็คือ สามารถโหวตที่ไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องไปต่อแถวรอลงคะแนนที่คูหา และยังอาจจะทำให้สามารถดูผลโหวตแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย



- Blockchain กับ การศึกษา

    แนวคิดนี้เป็นที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงวุฒิการศึกษาเพื่อเข้าสมัครงานครับ สถานที่ทำงานสามารถที่จะเช็คจากมหาวิทยาลัยได้โดยง่ายว่าผู้สมัครจบจากมหาลัยนั้นๆจริงหรือไม่

    อีกแนวคิดนึงที่ผมคิดไว้ก็คือ หากว่าเราสามารถใช้ blockchain มาเก็บข้อมูลการเช็คชื่อเข้าเรียน เข้าสอบ ใช้จ่ายซื้ออาหารในมหาลัย โดยใช้บัตรหรืออาจจะเป็นลายนิ้วมือ หรืออาจจะการเก็บข้อมูลคะแนน เกรดของนักเรียนแต่ละคนเอาไว้ด้วย ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าสามารถเก็บข้อมูลหลายรูปแบบได้รึป่าว แต่คิดว่าน่าได้



- Blockchain กับ สุขภาพและการแพทย์

    ในปัจจุบันนั้นดูเหมือนว่าการไปรักษาที่โรงพยาบาล หากไปรักษาโรงพยาบาลใหม่ก็ต้องมีการซักถามเก็บประวัติกันใหม่ แนวคิดที่ผมคิดก็คือ หากเราใช้ blockchain เก็บประวัติคนไข้ การเข้ารับการรักษา กราใช้ยาแต่ละครั้ง ไว้บนโลกอินเตอร์เน็ตก็น่าจะช่วยโรงพยาบาลเข้าถึงประวัติสุขภาพของเราได้สะดวกขึ้น ต่อให้ไปรักษาที่ต่างประเทศก็ตาม

    หรืออย่างแนวคิดนี้ ก็คือ
    ในส่วนแรกจะอธิบายว่า เมื่อคนไข้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล คนไข้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาของตนเอง

    ในส่วนที่ 2 นั้นจะอธิบายว่า ตัวคนไข้ หมอที่ดูแล โรงพยาบาล และ ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะต้องยินยอม หรือ เห็นตรงกันในส่วนของบันทึกประวัติของคนไข้ และคอยนำไปต่อใน Blockchain

    ในส่วนที่ 3 จะอธิบายว่าทุก parties ในที่นี้น่าจะหมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการดูประวัติคนไข้จะมีข้อมูลฉบับเดียวกัน และข้อมูลที่ถูกเขียนไปใน Blockchain แล้วนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่จะสามารถ update ได้ด้วยการทำ Block ใหม่เข้าไปนั้นเอง

    ในส่วนที่ 4 จะอธิบายว่า ผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของคนไข้และหาวิธีรักษาที่เหมาะสมได้ และด้วยการที่ทุกๆ parties นั้นจะต้องมีข้อมูลที่ตรงกัน บันทึกข้อมูลของคนไข้จะสามารถ update ได้ด้วย block ที่เราเพิ่มไปต่อท้าย block ล่าสุดที่ปลายโซ่

    ในส่วนสุดท้ายจะอธิบายว่าเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ ทั้งคนไข้และหมอที่ดูแลจะสามารถเห็นถึงการ update ข้อมูลต่างๆเพื่อตัดสินใจกระทำการต่างๆได้ตามความเหมาะสม



- Blockchain กับ เรื่องของลิขสิทธิ์
    เป็นการใช้ Smart Contracts หรือสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการทำสัญญาต่างๆ ผ่านโปรแกรมออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นสัญญาว่างจ้าง, สัญญาซื้อขาย, สัญญาอนุญาตใช้สิทธิ หรือเอกสารราชการต่างๆ ผ่าน Blockchain เพื่อเป็นการบันทึกข้อตกลงต่างๆ ผ่านระบบดังกล่าว และให้ระบบดำเนินการจัดการ หรือบังคับให้ได้ตามเงื่อนไขในสัญญาด้วยตัวมันเอง
( ที่มารูปภาพ : https://blog.icoalert.com/ico-alert-report-opus-be821ac9e27d )

    ซึ่งในตอนนี้แนวคิดนี้ก็ได้เริ่มถูกนำไปใช้แล้ว อย่างในเว็ปไซต์ Opus ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ระบบ Blockchain ในการจัดการกับลิขสิทธิ์เพลงสำหรับศิลปินโดยตรง โดยที่ระบบมีความโปร่งใสมาก เพราะอยู่ใน Etherum Blockchain ที่เปิดให้สาธารณะได้เห็นตลอด และ 97% ของเงินที่ได้จากผู้ที่ Download เพลงผ่านระบบจะถูกส่งต่อไปให้เจ้าของเพลงหรือศิลปินคนนั้นโดยทันที ซึ่งก็จะต่างจากโมเดลธุรกิจเดิมที่ต้องมีค่ายเพลงเป็นคนกลาง กว่าเงินจะไปถึงศิลปินก็เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
( ที่มา : https://idgthailand.com/blockchain_ip/ )



- Blockchain กับ IoT

    เท่าที่ค้นหาดูพบว่าแนวคิดในด้าน IoT นั้นมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้กับการขนส่งสินค้า การยืนยันตัวตน เซนเซอร์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฮม



    IBM และ Samsung กำลังพัฒนาแนวคิดที่ชื่อว่า ADEPT ซึ่งนำเทคโนโลยีมาใช้เป็น Backbone ของ ระบบเครือข่ายแบบไม่รวมศูนย์ของอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ด้วย ADEPT ย่อมากจาก Autonomous-Decentralized Peer-to-Peer Telemetry ตัว Blockchain ทำหน้าที่เป็น Public Ledger เก็บข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆ ไม่มีระบบกลางที่รวมศูนย์จัดการ อุปกรณ์แต่ละตัวสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างอิสระในการอัพเดตซอฟแวร์ รวมถึงการจัดการพลังงานของตนเอง




    ทั้งนี้ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ยังมีแนวคิดอื่นๆที่ผมไม่ได้พูดถึงอยู่อีกพอสมควร ซึ่งพวกผมก็จะพยายามศึกษาดูเพิ่มเติมเพื่อหาแนวคิดที่สนใจในการทำโปรเจคที่เกี่ยวกับ Blockchain ครับ