( ที่มารูปภาพ : http://www.channelfutures.com/technology/what-blockchain-means-hint-not-just-bitcoin-and-why-you-should-care )
Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและถูกพูดถึงบ่อยในปัจจุบัน ซึ่งได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับ Bitcoin จากที่ผมได้ศึกษาดูก็พอเข้าใจได้ว่า Blockchain นั้นก็คือ รูปแบบการเก็บข้อมูล (Database) แบบหนึ่งของระบบที่ไม่มีศูนย์กลางแต่เชื่อถือได้และโกงยาก
( ที่มา : https://nuuneoi.com/blog/blog.php?read_id=900 )
และเนื่องจากแนวคิดที่สุดยอดของเจ้า Blockchain นี่ จึงทำให้มีคนนำไปใช้กับอย่างเช่น การระบบการในธนาคาร หรือสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก FinTech(Financial Technology) เพราะพวกนี้จะต้องการความน่าจะเชื่อถืออย่างมาก และป้องกันไม่ให้มีการโกงเกิดขึ้น
นอกจากพวก FinTech แล้วก็ยังมีแนวคิดที่จะใช้ Blockchain กับสิ่งที่เป็น Non-Financial อีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็ยังมีคนที่นำ Blockchain ไปใช้งานจริงๆกับ สิ่งที่เป็น Non-Financial ค่อนข้างน้อย ทำให้มี Startup ที่พยายามจะสร้างแนวคิดต่างๆออกมา คงจะตามคำพูดที่ว่า "เริ่มทำก่อน ย่อมได้เปรียบ"
เนื่องจากการใช้ Blockchain กับ FinTech คงจะนึกภาพได้ไม่ยากและแต่ละอันก็เหมือนๆกัน ดังนั้นในบทความนี้ผมก็จะพูดแนวคิดที่เป็น Non-Financial นะครับ
- Blockchain กับ การโหวต หรือเลือกตั้ง
เป็นแนวคิดที่นำมาใช้เพื่อป้องกันความไม่โปร่งใสในการโหวตหรือเลือกตั้งครับ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลกระจายไปที่ผู้ลงคะแนนเสียงทุกคนทำให้โกงได้ยากมาก
ส่วนข้อดีอื่นๆก็คือ สามารถโหวตที่ไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องไปต่อแถวรอลงคะแนนที่คูหา และยังอาจจะทำให้สามารถดูผลโหวตแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย
- Blockchain กับ การศึกษา
แนวคิดนี้เป็นที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงวุฒิการศึกษาเพื่อเข้าสมัครงานครับ สถานที่ทำงานสามารถที่จะเช็คจากมหาวิทยาลัยได้โดยง่ายว่าผู้สมัครจบจากมหาลัยนั้นๆจริงหรือไม่
- Blockchain กับ สุขภาพและการแพทย์
เนื่องจากการใช้ Blockchain กับ FinTech คงจะนึกภาพได้ไม่ยากและแต่ละอันก็เหมือนๆกัน ดังนั้นในบทความนี้ผมก็จะพูดแนวคิดที่เป็น Non-Financial นะครับ
- Blockchain กับ การโหวต หรือเลือกตั้ง
เป็นแนวคิดที่นำมาใช้เพื่อป้องกันความไม่โปร่งใสในการโหวตหรือเลือกตั้งครับ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลกระจายไปที่ผู้ลงคะแนนเสียงทุกคนทำให้โกงได้ยากมาก
ส่วนข้อดีอื่นๆก็คือ สามารถโหวตที่ไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องไปต่อแถวรอลงคะแนนที่คูหา และยังอาจจะทำให้สามารถดูผลโหวตแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย
แนวคิดนี้เป็นที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงวุฒิการศึกษาเพื่อเข้าสมัครงานครับ สถานที่ทำงานสามารถที่จะเช็คจากมหาวิทยาลัยได้โดยง่ายว่าผู้สมัครจบจากมหาลัยนั้นๆจริงหรือไม่
อีกแนวคิดนึงที่ผมคิดไว้ก็คือ หากว่าเราสามารถใช้ blockchain มาเก็บข้อมูลการเช็คชื่อเข้าเรียน เข้าสอบ ใช้จ่ายซื้ออาหารในมหาลัย โดยใช้บัตรหรืออาจจะเป็นลายนิ้วมือ หรืออาจจะการเก็บข้อมูลคะแนน เกรดของนักเรียนแต่ละคนเอาไว้ด้วย ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าสามารถเก็บข้อมูลหลายรูปแบบได้รึป่าว แต่คิดว่าน่าได้
( ที่มารูปภาพ : https://altcointoday.com/google-ai-firms-blockchain-project-hospitals-faces-concerns-patient-data )
ในปัจจุบันนั้นดูเหมือนว่าการไปรักษาที่โรงพยาบาล หากไปรักษาโรงพยาบาลใหม่ก็ต้องมีการซักถามเก็บประวัติกันใหม่ แนวคิดที่ผมคิดก็คือ หากเราใช้ blockchain เก็บประวัติคนไข้ การเข้ารับการรักษา กราใช้ยาแต่ละครั้ง ไว้บนโลกอินเตอร์เน็ตก็น่าจะช่วยโรงพยาบาลเข้าถึงประวัติสุขภาพของเราได้สะดวกขึ้น ต่อให้ไปรักษาที่ต่างประเทศก็ตาม
หรืออย่างแนวคิดนี้ ก็คือ
ในส่วนแรกจะอธิบายว่า เมื่อคนไข้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล คนไข้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาของตนเอง
ในส่วนที่ 2 นั้นจะอธิบายว่า ตัวคนไข้ หมอที่ดูแล โรงพยาบาล และ ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะต้องยินยอม หรือ เห็นตรงกันในส่วนของบันทึกประวัติของคนไข้ และคอยนำไปต่อใน Blockchain
ในส่วนที่ 3 จะอธิบายว่าทุก parties ในที่นี้น่าจะหมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการดูประวัติคนไข้จะมีข้อมูลฉบับเดียวกัน และข้อมูลที่ถูกเขียนไปใน Blockchain แล้วนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่จะสามารถ update ได้ด้วยการทำ Block ใหม่เข้าไปนั้นเอง
ในส่วนที่ 4 จะอธิบายว่า ผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของคนไข้และหาวิธีรักษาที่เหมาะสมได้ และด้วยการที่ทุกๆ parties นั้นจะต้องมีข้อมูลที่ตรงกัน บันทึกข้อมูลของคนไข้จะสามารถ update ได้ด้วย block ที่เราเพิ่มไปต่อท้าย block ล่าสุดที่ปลายโซ่
ในส่วนสุดท้ายจะอธิบายว่าเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ ทั้งคนไข้และหมอที่ดูแลจะสามารถเห็นถึงการ update ข้อมูลต่างๆเพื่อตัดสินใจกระทำการต่างๆได้ตามความเหมาะสม
ในส่วนแรกจะอธิบายว่า เมื่อคนไข้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล คนไข้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาของตนเอง
ในส่วนที่ 2 นั้นจะอธิบายว่า ตัวคนไข้ หมอที่ดูแล โรงพยาบาล และ ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะต้องยินยอม หรือ เห็นตรงกันในส่วนของบันทึกประวัติของคนไข้ และคอยนำไปต่อใน Blockchain
ในส่วนที่ 3 จะอธิบายว่าทุก parties ในที่นี้น่าจะหมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการดูประวัติคนไข้จะมีข้อมูลฉบับเดียวกัน และข้อมูลที่ถูกเขียนไปใน Blockchain แล้วนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่จะสามารถ update ได้ด้วยการทำ Block ใหม่เข้าไปนั้นเอง
ในส่วนที่ 4 จะอธิบายว่า ผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของคนไข้และหาวิธีรักษาที่เหมาะสมได้ และด้วยการที่ทุกๆ parties นั้นจะต้องมีข้อมูลที่ตรงกัน บันทึกข้อมูลของคนไข้จะสามารถ update ได้ด้วย block ที่เราเพิ่มไปต่อท้าย block ล่าสุดที่ปลายโซ่
ในส่วนสุดท้ายจะอธิบายว่าเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ ทั้งคนไข้และหมอที่ดูแลจะสามารถเห็นถึงการ update ข้อมูลต่างๆเพื่อตัดสินใจกระทำการต่างๆได้ตามความเหมาะสม
- Blockchain กับ เรื่องของลิขสิทธิ์
เป็นการใช้ Smart Contracts หรือสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการทำสัญญาต่างๆ ผ่านโปรแกรมออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นสัญญาว่างจ้าง, สัญญาซื้อขาย, สัญญาอนุญาตใช้สิทธิ หรือเอกสารราชการต่างๆ ผ่าน Blockchain เพื่อเป็นการบันทึกข้อตกลงต่างๆ ผ่านระบบดังกล่าว และให้ระบบดำเนินการจัดการ หรือบังคับให้ได้ตามเงื่อนไขในสัญญาด้วยตัวมันเอง
ซึ่งในตอนนี้แนวคิดนี้ก็ได้เริ่มถูกนำไปใช้แล้ว อย่างในเว็ปไซต์ Opus ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ระบบ Blockchain ในการจัดการกับลิขสิทธิ์เพลงสำหรับศิลปินโดยตรง โดยที่ระบบมีความโปร่งใสมาก เพราะอยู่ใน Etherum Blockchain ที่เปิดให้สาธารณะได้เห็นตลอด และ 97% ของเงินที่ได้จากผู้ที่ Download เพลงผ่านระบบจะถูกส่งต่อไปให้เจ้าของเพลงหรือศิลปินคนนั้นโดยทันที ซึ่งก็จะต่างจากโมเดลธุรกิจเดิมที่ต้องมีค่ายเพลงเป็นคนกลาง กว่าเงินจะไปถึงศิลปินก็เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
( ที่มา : https://idgthailand.com/blockchain_ip/ )
- Blockchain กับ IoT
เท่าที่ค้นหาดูพบว่าแนวคิดในด้าน IoT นั้นมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้กับการขนส่งสินค้า การยืนยันตัวตน เซนเซอร์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฮม
( ที่มารูปภาพ : https://blog.icoalert.com/ico-alert-report-opus-be821ac9e27d )
ซึ่งในตอนนี้แนวคิดนี้ก็ได้เริ่มถูกนำไปใช้แล้ว อย่างในเว็ปไซต์ Opus ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ระบบ Blockchain ในการจัดการกับลิขสิทธิ์เพลงสำหรับศิลปินโดยตรง โดยที่ระบบมีความโปร่งใสมาก เพราะอยู่ใน Etherum Blockchain ที่เปิดให้สาธารณะได้เห็นตลอด และ 97% ของเงินที่ได้จากผู้ที่ Download เพลงผ่านระบบจะถูกส่งต่อไปให้เจ้าของเพลงหรือศิลปินคนนั้นโดยทันที ซึ่งก็จะต่างจากโมเดลธุรกิจเดิมที่ต้องมีค่ายเพลงเป็นคนกลาง กว่าเงินจะไปถึงศิลปินก็เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
( ที่มา : https://idgthailand.com/blockchain_ip/ )
- Blockchain กับ IoT
( ที่มาของภาพ : https://blog.iotech.co.th/10-ตัวอย่างการนำ-blockchain-มาประยุ/ )
IBM และ Samsung กำลังพัฒนาแนวคิดที่ชื่อว่า ADEPT ซึ่งนำเทคโนโลยีมาใช้เป็น Backbone ของ ระบบเครือข่ายแบบไม่รวมศูนย์ของอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ด้วย ADEPT ย่อมากจาก Autonomous-Decentralized Peer-to-Peer Telemetry ตัว Blockchain ทำหน้าที่เป็น Public Ledger เก็บข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆ ไม่มีระบบกลางที่รวมศูนย์จัดการ อุปกรณ์แต่ละตัวสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างอิสระในการอัพเดตซอฟแวร์ รวมถึงการจัดการพลังงานของตนเอง
( ที่มา : https://techsauce.co/tech-and-biz/20-industries-with-blockchain-technology-and-case-studies )
( ที่มารูปภาพ : https://www.quora.com/What-applications-could-the-Blockchain-technology-have-other-than-in-the-financial-sector )
ทั้งนี้ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ยังมีแนวคิดอื่นๆที่ผมไม่ได้พูดถึงอยู่อีกพอสมควร ซึ่งพวกผมก็จะพยายามศึกษาดูเพิ่มเติมเพื่อหาแนวคิดที่สนใจในการทำโปรเจคที่เกี่ยวกับ Blockchain ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น