วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Interesting Topics for the final Project Part II : ศึกษาเรื่อง Blockchain



    Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและถูกพูดถึงบ่อยในปัจจุบัน ซึ่งได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับ  Bitcoin จากที่ผมได้ศึกษาดูก็พอเข้าใจได้ว่า Blockchain นั้นก็คือ รูปแบบการเก็บข้อมูล (Database) แบบหนึ่งของระบบที่ไม่มีศูนย์กลางแต่เชื่อถือได้และโกงยาก

    และเนื่องจากแนวคิดที่สุดยอดของเจ้า Blockchain นี่ จึงทำให้มีคนนำไปใช้กับอย่างเช่น การระบบการในธนาคาร หรือสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก FinTech(Financial Technology) เพราะพวกนี้จะต้องการความน่าจะเชื่อถืออย่างมาก และป้องกันไม่ให้มีการโกงเกิดขึ้น
    นอกจากพวก FinTech แล้วก็ยังมีแนวคิดที่จะใช้ Blockchain กับสิ่งที่เป็น Non-Financial อีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็ยังมีคนที่นำ Blockchain ไปใช้งานจริงๆกับ สิ่งที่เป็น Non-Financial ค่อนข้างน้อย ทำให้มี Startup ที่พยายามจะสร้างแนวคิดต่างๆออกมา คงจะตามคำพูดที่ว่า "เริ่มทำก่อน ย่อมได้เปรียบ"

    เนื่องจากการใช้ Blockchain กับ FinTech คงจะนึกภาพได้ไม่ยากและแต่ละอันก็เหมือนๆกัน ดังนั้นในบทความนี้ผมก็จะพูดแนวคิดที่เป็น Non-Financial นะครับ


- Blockchain กับ การโหวต หรือเลือกตั้ง
    เป็นแนวคิดที่นำมาใช้เพื่อป้องกันความไม่โปร่งใสในการโหวตหรือเลือกตั้งครับ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลกระจายไปที่ผู้ลงคะแนนเสียงทุกคนทำให้โกงได้ยากมาก
    ส่วนข้อดีอื่นๆก็คือ สามารถโหวตที่ไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องไปต่อแถวรอลงคะแนนที่คูหา และยังอาจจะทำให้สามารถดูผลโหวตแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย



- Blockchain กับ การศึกษา

    แนวคิดนี้เป็นที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงวุฒิการศึกษาเพื่อเข้าสมัครงานครับ สถานที่ทำงานสามารถที่จะเช็คจากมหาวิทยาลัยได้โดยง่ายว่าผู้สมัครจบจากมหาลัยนั้นๆจริงหรือไม่

    อีกแนวคิดนึงที่ผมคิดไว้ก็คือ หากว่าเราสามารถใช้ blockchain มาเก็บข้อมูลการเช็คชื่อเข้าเรียน เข้าสอบ ใช้จ่ายซื้ออาหารในมหาลัย โดยใช้บัตรหรืออาจจะเป็นลายนิ้วมือ หรืออาจจะการเก็บข้อมูลคะแนน เกรดของนักเรียนแต่ละคนเอาไว้ด้วย ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าสามารถเก็บข้อมูลหลายรูปแบบได้รึป่าว แต่คิดว่าน่าได้



- Blockchain กับ สุขภาพและการแพทย์

    ในปัจจุบันนั้นดูเหมือนว่าการไปรักษาที่โรงพยาบาล หากไปรักษาโรงพยาบาลใหม่ก็ต้องมีการซักถามเก็บประวัติกันใหม่ แนวคิดที่ผมคิดก็คือ หากเราใช้ blockchain เก็บประวัติคนไข้ การเข้ารับการรักษา กราใช้ยาแต่ละครั้ง ไว้บนโลกอินเตอร์เน็ตก็น่าจะช่วยโรงพยาบาลเข้าถึงประวัติสุขภาพของเราได้สะดวกขึ้น ต่อให้ไปรักษาที่ต่างประเทศก็ตาม

    หรืออย่างแนวคิดนี้ ก็คือ
    ในส่วนแรกจะอธิบายว่า เมื่อคนไข้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล คนไข้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาของตนเอง

    ในส่วนที่ 2 นั้นจะอธิบายว่า ตัวคนไข้ หมอที่ดูแล โรงพยาบาล และ ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะต้องยินยอม หรือ เห็นตรงกันในส่วนของบันทึกประวัติของคนไข้ และคอยนำไปต่อใน Blockchain

    ในส่วนที่ 3 จะอธิบายว่าทุก parties ในที่นี้น่าจะหมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการดูประวัติคนไข้จะมีข้อมูลฉบับเดียวกัน และข้อมูลที่ถูกเขียนไปใน Blockchain แล้วนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่จะสามารถ update ได้ด้วยการทำ Block ใหม่เข้าไปนั้นเอง

    ในส่วนที่ 4 จะอธิบายว่า ผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของคนไข้และหาวิธีรักษาที่เหมาะสมได้ และด้วยการที่ทุกๆ parties นั้นจะต้องมีข้อมูลที่ตรงกัน บันทึกข้อมูลของคนไข้จะสามารถ update ได้ด้วย block ที่เราเพิ่มไปต่อท้าย block ล่าสุดที่ปลายโซ่

    ในส่วนสุดท้ายจะอธิบายว่าเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ ทั้งคนไข้และหมอที่ดูแลจะสามารถเห็นถึงการ update ข้อมูลต่างๆเพื่อตัดสินใจกระทำการต่างๆได้ตามความเหมาะสม



- Blockchain กับ เรื่องของลิขสิทธิ์
    เป็นการใช้ Smart Contracts หรือสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการทำสัญญาต่างๆ ผ่านโปรแกรมออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นสัญญาว่างจ้าง, สัญญาซื้อขาย, สัญญาอนุญาตใช้สิทธิ หรือเอกสารราชการต่างๆ ผ่าน Blockchain เพื่อเป็นการบันทึกข้อตกลงต่างๆ ผ่านระบบดังกล่าว และให้ระบบดำเนินการจัดการ หรือบังคับให้ได้ตามเงื่อนไขในสัญญาด้วยตัวมันเอง
( ที่มารูปภาพ : https://blog.icoalert.com/ico-alert-report-opus-be821ac9e27d )

    ซึ่งในตอนนี้แนวคิดนี้ก็ได้เริ่มถูกนำไปใช้แล้ว อย่างในเว็ปไซต์ Opus ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ระบบ Blockchain ในการจัดการกับลิขสิทธิ์เพลงสำหรับศิลปินโดยตรง โดยที่ระบบมีความโปร่งใสมาก เพราะอยู่ใน Etherum Blockchain ที่เปิดให้สาธารณะได้เห็นตลอด และ 97% ของเงินที่ได้จากผู้ที่ Download เพลงผ่านระบบจะถูกส่งต่อไปให้เจ้าของเพลงหรือศิลปินคนนั้นโดยทันที ซึ่งก็จะต่างจากโมเดลธุรกิจเดิมที่ต้องมีค่ายเพลงเป็นคนกลาง กว่าเงินจะไปถึงศิลปินก็เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
( ที่มา : https://idgthailand.com/blockchain_ip/ )



- Blockchain กับ IoT

    เท่าที่ค้นหาดูพบว่าแนวคิดในด้าน IoT นั้นมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้กับการขนส่งสินค้า การยืนยันตัวตน เซนเซอร์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฮม



    IBM และ Samsung กำลังพัฒนาแนวคิดที่ชื่อว่า ADEPT ซึ่งนำเทคโนโลยีมาใช้เป็น Backbone ของ ระบบเครือข่ายแบบไม่รวมศูนย์ของอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ด้วย ADEPT ย่อมากจาก Autonomous-Decentralized Peer-to-Peer Telemetry ตัว Blockchain ทำหน้าที่เป็น Public Ledger เก็บข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆ ไม่มีระบบกลางที่รวมศูนย์จัดการ อุปกรณ์แต่ละตัวสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างอิสระในการอัพเดตซอฟแวร์ รวมถึงการจัดการพลังงานของตนเอง




    ทั้งนี้ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ยังมีแนวคิดอื่นๆที่ผมไม่ได้พูดถึงอยู่อีกพอสมควร ซึ่งพวกผมก็จะพยายามศึกษาดูเพิ่มเติมเพื่อหาแนวคิดที่สนใจในการทำโปรเจคที่เกี่ยวกับ Blockchain ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น