What is Ethereum ?
Ethereum มันก็คือชื่อของ Blockchain Platform ตัวหนึ่งที่ถูกคิดค้นมาโดยบริษัท Ethereum Foundation โดยเจ้า platform ตัวนี้จะใช้กับสกุลเงิน Cryptocurrency ที่มีชื่อว่า Ether (ETH) โดยผู้ที่คิดค้นสร้างมันขึ้นมามีชื่อว่า Vitalik Buterin ซึ่งเป็นผู้ร่วมพัฒนา Bitcoin มาก่อนและได้เห็นถึงข้อบกพร่องและข้อจำกัดบางอย่างของ Bitcoin เขาเลยเริ่มที่จะสร้าง Ethereum ขึ้นมาเพื่อใช้แทน
Difference between Ethereum and Bitcoin ?
จากบทความนี้ผู้เขียนได้อธิบายความแตกต่างระหว่าง Bitcoin, Blockchain, Ethereum, Ripple, Hyperledger เอาไว้แบบพอสังเขป ซึ่งที่เราสนใจจะเป็นความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และ Ethereum ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
โดยข้อมูลที่ได้มานั้นได้บอกว่า Ethereum นั้นมีความสามารถในการทำงานนั้นทัดเทียมกับตัวของ Bitcoin เลยทีเดียว แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะแตกต่างและถูกเพิ่มขึ้นมานั้นก็คือ Smart Contacts
What is Smart Contract ?
หลังจากที่ได้ทำการค้นคว้าจาก บทความนี้ บทความนั้น และก็ บทความโน้น และอีกหลายๆบทความ ตัวผมเองนั้นก็พอที่จะสรุปได้ดังนี้ครับ
Smart Contract ก็คือการร่างสัญญาต่างๆและเก็บไว้ใน Blockchain อาจจะยังไม่เห็นภาพ จากบทความนี้ เขาจะอธิบายออกมาให้เห็นภาพชัดเจนโดยเปรียบ Smart Contract เป็นดังเช่น Vending Machine
โดยเมื่อเราเลือกเครื่องดื่มที่เราต้องการแล้ว เจ้าเครื่องกดน้ำอัตโนมัติก็จะคอยเช็คว่าเราได้ใส่เงินไปเท่ากับราคาของเครื่องดื่มหรือยัง หรือ ถ้าเราใส่เงินเกินมันก็ต้องทำการทอนเงินมาให้เรา หรือ ถ้าเราต้องการที่จะยกเลิกเจ้าเครื่องนี้ก็จะเอาเงินกลับมาให้เรา
พูดง่ายๆก็คือ Smart Contract เป็นการร่างสัญญาเอาไว้ ซึ่งสัญญาที่ว่านี้จะเป็นโค้ด หลังจากนั้นเราก็จะเอาโค้ดที่ว่าไปใส่ไว้ใน Blockchain โดยโค้ดนี้จะเป็นลักษณะ คอยเช็คว่าถ้าเกิดแบบนี้ก็จะทำแบบนั้น
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนบทความได้ยกมานั้นคือ อพาร์ทเมนต์อัจฉริยะ โดยจะมีการทำงานดังนี้
1. อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ประตูเข้าห้องนั้นจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตเอาไว้ โดยจะเข้าห้องได้จะต้องใช้ Keycard หรือ แอปบนมือถือ
2. เมื่อถึงวันที่จะต้องจ่ายค่าเช่า คนที่เป็นผู้เช่าจะต้องทำการโอนเงินสกุล coin ต่างๆไปที่ Address ที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละห้อง ต่อมาเจ้าโค้ด Smart Contract ที่ดูแลเรื่องการจ่ายค่าเช่าของอพาร์ทเมนต์นี้ โดยเมื่อโอนเข้าไปแล้ว โค้ดดังกล่าวจะดูว่าเงินที่ได้รับการโอนมานั้นถูกต้องหรือไม่ ตรงหรือเปล่า ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดอะไรก็จะบันทึกการจ่ายเงินไว้ และ Keycard ของเราก็จะสามารถใช้ได้ต่อ
3. ในกรณีที่ผู้เช่าไม่ยอมจ่ายเงินค่าห้อง เจ้าโค้ด Smart Contract ก็จะสั่งให้ Keycard ของเรานั้นไม่สามารถใช้เข้าห้องได้
ซึ่งการทำงานคร่าวๆที่กล่าวไปนั้นเจ้าของหอพัก หรืออพาร์ทเมนต์นั้นแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ทุกอย่างถูกจัดการโดย Smart Contract เองหมดแล้วสบายจริงๆครับ
What about Miners and World Computers ?
จากหัวข้อด้านบนนั้นก็จะทำให้ทราบมาแล้วว่า Ehtereum นั้นไม่ได้ทำได้แค่การส่ง/รับเงินเพียงเท่านั้น มันสามารถที่จะทำการประมวลผลอะไรก็ได้ บน Blockchain Network ซึ่งนั้นก็ทำให้เกิดนักขุดเหมือง Ethereum เข้ามามีส่วนในเรื่องนี้ครับ เมื่อมี Node(ผู้ใช้) ต้องการที่จะใช้งานโค้ด (Smart Contract) นักขุดก็จะเอาโค้ดที่จะใช้นะครับมาประมวลผลให้เราและส่งค่ากลับไปที่ Node ครับ โดยสิ่งที่นักขุดเหล่านี้จะได้ก็คือ Fee ครับ หรือ ค่าบริการนั้นเอง โดยจะคิดจาก Operation ต่างๆในตัวโค้ด โดยแต่ละ Operation จะมีราคาที่ต่างกันด้วย และตัวของผู้ใช้เองไม่ได้แค่สามารถที่จะเรียกโค้ดได้เฉยๆนะครับ แต่พวกเขายังสามารถส่งค่า Parameter ต่างๆมาเพื่อใช้ในการคำนวณได้อีกด้วย สุดยอดเลยจริงๆครับ
ซึ่งการทำงานแบบนี้จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า World Computers เพราะว่า Ethereum นั้นใช้ระบบ Blockchain ซึ่งเราทุกคนบนโลกที่มีอินเทอร์เน็ตสามารถจะเข้าระบบได้ ในการประมวลผลก็จะมีเหล่านักขุดคอยจัดการอยู่ ซึ่งจะทำให้เป็นระบบที่ไม่มีวันดับ เพราะมีผู้ใช้และนักขุดใช้งานอยู่เสมอๆ จะใช้งานเมื่อไรก็สามารถใช้ได้
And..what about Problems with Smart Contract?
ในบทความนี้ได้เสนอปัญหาที่อาจจะมีได้เกี่ยวกับ Smart Contract โดยเขาได้อธิบายว่า ตัว Smart Contract สามารถที่จะตรวจสอบได้ มันโปร่งใส และยังทำงานได้สะดวกขนาดนี้ ปัญหาจะอยู่ตรงไหน? ปัญหามันอยู่ที่ว่า Smart Contract นั้นถ้าเรานำไปใช้ แล้วจู่ๆโค้ดเกิดทำงานไม่ได้ หรือว่าตัวโค้ดนั้นมี Bug โค้ดเสีย โค้ดพังขึ้นมา จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรตามมา เราอาจจะเสียทรัพย์สิน หรือเสียผลประโยชน์อะไรก็ตามแต่ ทำให้ปัญหามันอยู่ตรงที่ผู้ใช้นั้นจะนำไปใช้อย่างไรเสียมากกว่า การออกแบบต้องรัดกุม ต้องไม่มีข้อบกพร่อง เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา
> หลังจากที่ได้ทำการค้นคว้าจาก บทความนี้ บทความนั้น และก็ บทความโน้น
ตอบลบtoo many "บทความ"
: )